13 ตุลาคม 2567

"ภูมิสรรค์" ขึ้นเวทีถก "นโยบายแบบไหนเปลี่ยนการศึกษาได้จริง"

image

ชวนพรรคการเมืองร่วมคิด “หนุนเด็กไทยเรียนรู้ใหม่ ก้าวทันโลก” พร้อมถก “นโยบายแบบไหนเปลี่ยนการศึกษาได้จริง”

เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2566 ภาคีเพื่อการศึกษาไทย(TEP) ร่วมกับ Thai PBS จัดเวที “ชวนพรรคร่วมคิด ฟื้นชีวิตเรียนรู้ใหม่ หนุนเด็กไทยก้าวทันโลก” โดยมีตัวแทนจากพรรคการเมือง เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น “นโยบายแบบไหนเปลี่ยนการศึกษาได้จริง” พร้อมตอบคำถามจากตัวแทนภาคส่วนต่างๆ ภายหลังได้รับโจทย์จากภาคีเพื่อการศึกษาไทยหลายประเด็น 

โดยวันนี้เราจะมาฟัง คุณภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.คณะกรรมการประสานงานองค์กรเครือข่ายภายนอกพรรคและกรรมการด้านเทคโนโลยี พรรคประชาธิปัตย์ พูดถึงประเด็นคำถามที่ภาคีเพื่อการศึกษาไทยให้โจทย์มา

  • การปรับหลักสูตรแกนกลางครั้งใหญ่ให้เอื้อต่อการเรียนรู้สมรรถนะ

ที่มาในวันนี้ไม่ได้มานำเสนออะไรใหม่ แต่จะมาบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ โดย ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่รับผิดชอบอยู่ในหลายๆส่วนได้ทำตามรูปแบบของภาคีเพื่อการศึกษาไทยทั้งหมด ตอนนี้เราให้ความสำคัญกับพื้นที่นวัตกรรม ประสานงานกับภาคีเพื่อการศึกษาไทยและทำงานกันอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ตอนนี้ติดอยู่ตรงภาครัฐต้องเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้ได้เข้าไปทำ 

ซึ่งที่ผ่านมาทราบว่ามีความพยายามยุบ พ.ร.บ.พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา มีการชะลอ พ.ร.บ.ตัวใหม่ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ออก ที่ถึงขณะนี้ยังไม่มีการประกาศออกมา ซึ่งมีความสำคัญที่จะนำไปสู่การปรับโครงสร้างทางการศึกษา และหลักสูตรการเรียนการสอน ที่ผ่านมาโรงเรียนนำร่องนวัตกรรมทางการศึกษาได้รับการยอมรับจากนานาชาติ แต่ปัญหาคือยังมีความเหลื่อมล้ำอยู่มาก เราต้องปรับความเหลื่อมล้ำให้ลดน้อยลงให้ได้

อย่างไรก็ดีถึงวันนี้เราก็ยังมีความโชคดีอยู่ แม้จะมีความพยายามที่จะยุบ พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จากเดิมมี 9 พื้นที่ แต่ตอนนี้เราได้ขยายไปถึง 19 พื้นที่ ซึ่งมันขยายตัวไปเร็วกว่า พ.ร.บ.การศึกษาด้วยซ้ำ

  • การป้องกันการละเมิดสิทธิเสรีภาพและการใช้ความรุนแรงในสถานศึกษา

สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนใครทำผิด จะต้องมีการลงทาอย่างรุนแรง แต่รุนแรงขนาดไหนต้องเป็นไปตามกฎหมายของบ้านเมือง แต่หากลงโทษด้วยการโอนย้ายไปตำแหน่งหรือหน่วยงานอื่น เหมือนองค์กรตำรวจแบบนี้ไม่เรียกว่าการลงโทษ ผมเชื่อว่าถ้าเรามีบทลงโทษที่รุนแรงก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหานี้ 

อย่างไรก็ดีเราต้องการแก้ไขที่ต้นเหตุไม่ใช่แก้ไขที่ปลายเหตุ เราจะเอาครูและเด็กไปอบรมหลักสูตรสิทธิมนุษยชน ในเชิงวิภาคร่วมกัน ซึ่งคณะกรรมการสิทธิ์ฯ ได้ออกแบบหลักสูตรไว้แล้ว และเมื่อ  4 ปีที่แล้ว ดร.คุณหญิงกัลยา ให้นโยบายเร่งด่วนคือการพัฒนาคน โดยใช้หลัก coding ในการอบรม หลักการที่จะอบรมครูเป็นขั้นเป็นตอน ขณะนี้ได้เข้าไปอยู่ในระบบการศึกษาทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ซึ่งช่วงโควิดมีอบรมทางออนไลน์ไปแล้ว 400,000 กว่าคน และหลังจากนี้จะเป็นการอบรมแบบ face to face เพื่อย้ำความเข้าใจในการปฏิบัติอีกครั้ง เชื่อว่าหากเรามีการอบรมมีการแก้ไขปัญหาเป็นขั้นเป็นตอนทั้งเด็กและครู เชื่อว่าในอนาคตเราจะมีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้น

นอกจากการอบรมแล้วสิ่งที่จะต้องเข้าไปดูแลคือเรื่องความเป็นอยู่ของตัวเด็กนักเรียนหรือครูผู้สอน เพราะภาวะที่บ้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว ความเป็นอยู่ หนี้สิน ส่งผลถึงปัญหาความรุนแรง ส่วนประเด็นที่มองข้ามไม่ได้อีกหนึ่งอย่างคือเรื่องการนำเสนอของสื่อ ที่นำเสนอแต่ความรุนแรง ไม่ค่อยเสนอเรื่องที่สร้างสรรค์และให้เกรียติกัน 

        - การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กและบุคลากรครูเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

ตอนนี้กระทรวงศึกษาธิการได้จัดรูปแบบโรงเรียนใหม่ทั้งหมดแล้ว ยกจากระดับโรงเรียนคุณภาพตำบล ตอนนี้เป็นโรงเรียนสแตนอโลน แต่ว่าคนก็ไปเข้าใจว่าโรงเรียนสแตนอโลน อยู่พื้นที่ห่างไกลอยู่เกาะแก่ง แต่จริงๆแล้ว ควบรวมกับโรงเรียนขนาดเล็กทั่วไปด้วย บางทีมติครม.ให้ควบรวมโรงเรียนที่อยู่ห่างกันไม่เกิน 6 กม.เข้าด้วยกัน แต่ว่าความเป็นจริงไม่ควรควบรวมเนื่องจาก ปัจจัยที่จำเป็น ทั้งความแตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม ชุมชน เพราะฉะนั้นเราเอาตรงนี้เป็นที่ตั้ง

  • การศึกษาไทย เรื่องอะไรสำคัญที่สุด ที่จะท่านจะทำการเปลี่ยนแปลงและอะไรคืออุปสรรค 

ทุกเรื่องที่พูดคุยวันนี้ สำคัญทุกเรื่อง แต่ที่สำคัญที่สุดคือตัวของท่านนายกรัฐมนตรีเพราะว่าเราเป็นประเทศประชาธิปไตย เราต้องมีนายกรัฐมนตรี ต้องมีวิสัยทัศน์ ในการเลือกรัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างๆ ต้องเลือกคนที่มีความรู้มีประสบการณ์เข้ามาทำงาน หากเลือกคนไม่มีประสบการณืในการบริหารราชการแผ่นดิน ก็ไม่สามารถที่จะบังคับบัญชาหรือว่าจะมีความเป็นกัลยาณมิตรกับพี่น้องข้าราชการที่จะให้เดินไปได้ นอกจากนี้หากมีการแต่งตั้งใครเข้ามาทำงานแล้วอยากจะขอให้โอกาสทำงานให้ครบว่าระเพื่อที่จะได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งบางรัฐบาลมีรัฐมนตรีกระทรวงศึกษา 6 ท่าน งานจึงไม่มีความต่อเนื่อง 

  • นโยบายการศึกษาเพื่อการมีงานทำ

เราอยากให้สภาการศึกษา กลับมาเป็นเข็มทิศของประเทศไทย อยากจะให้ทำทำงานในเชิงรุก เอางานวิจัยที่ดีที่สุดของสภาการศึกษามาเป็นแนวทาง ซึ่งทาง ดร.คุณหญิงกัลยา ได้ให้นโยบายสภาการศึกษาไป ให้เอาอาชีพหลัก 10 อาชีพ เอามาเป็นตัวตั้งในการทำงานวิจัย แล้วก็ในการออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอน ให้เด็กจบการศึกษาไปแล้วมีอาชีพ มีงานทำ ซึ่งตรงนี้สภาการศึกษาจะทำร่วมเครือข่ายภาคประชาชนเร็วๆนี้

  • นโยบายเรื่องการศึกษาปฐมวัย  

การศึกษาของเด็กปฐมวัย เราให้ความสำคัญมาก  เราใส่ coding เข้าไปในหนักสูตรการเรียนการสอน ซึ่งที่ผ่านมาหลายคนไม่เข้าใจเรื่อง coding คนนึกว่าจะซื้อเครื่องเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่จริงไม่ใช่ มันคือการการเรียนรู้ตั้งแต่ปฐมวัย เป็นการสอน การคิดวิเคราะห์แบบขั้นเป็นตอนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบขบวนการ ไม่ใช่การท่องจำเหมือนเมื่อก่อน แต่เป็นการเรียนด้วยความเข้าใจ รู้จักหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ยกตัวอย่างถ้าเด็กจะปลูกต้นไม้ 1 ต้น เขาจะต้องรู้วิธีตั้งแต่เตรียมดิน เตรียมกล้าพันธ์ จนถึงการจำหน่ายผลผลิตที่ได้มาจากต้นไม้ที่ปลูก

ท่านสามารถฟังบทสัมภาษณ์แบบเต็มได้จากคลิปวิดีโอครับ

ขอบคุณคลิปจาก ThaiPBS  

ข่าวล่าสุด

ช่อง 3 เปิดตัวรายการใหม่ “ตุ้มโฮม” วาไรตี้ภาษอีสานพร้อมหนุนซอฟต์พาวเวอร์ ตามติดชีวิตคนอีสาน

ช่อง 3 เปิดตัวรายการใหม่ “ตุ้มโฮม” วาไรตี้ภาษอีสานพร้อมหนุนซอฟต์พาวเวอร์ ตามติดชีวิตคนอีสาน

ดร.แก้ว ร่วมประชุมคณะ กมธ.การป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 38

ดร.แก้ว ร่วมประชุมคณะ กมธ.การป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 38

ป.ป.ช.สมุทรสงครามลุยตรวจสอบถนนเกือบ 15 ล้านหลังโซเชียลร้องเรียน

ป.ป.ช. สมุทรสงคราม ลงตรวจสอบถนนบริเวณจุดกลับรถใต้สะพานหน้าสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ต.บ้านปรก อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม เป็นหลุมเป็นบ่อ สัญจรลำบาก เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ทาง